ช้างศึก สุดเพอร์เฟค

ช้างศึก สุดเพอร์เฟค ระเบิดฟอร์มยกแรก จัดทัพโลเตชั่น ถล่มอินโดฯ ขาดลอย 4-0

ช้างศึก สุดเพอร์เฟค

ช้างศึก สุดเพอร์เฟค ในนัดชิงชนะเลิศ ศึกชิงแชมป์อาเซียน 2020 “ซูซูกิ คัพ 2020” กับคู่ชิงพลพรรค “การูด้า” ทีมชาติอินโดนีเซีย ที่เพิ่งชนะเจ้าภาพ “เดอะ เมอร์ส ไลอ้อน” ทีมชาติสิงคโปร์ มาได้ในรอบตัดเชือก แต่นัดนี้มาเจองานหนัก โคจรมาพบกับทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ที่ชนะ แชมป์เก่าทัพ “ดาวทอง” ทีมชาติเวียดนาม มาได้

มาโน โพลกิ้ง กุนซือลูกครึ่ง เยอรมัน-บราซิลเลี่ยน ยอมรับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้รับบทคุมบังเหียนทัพ “ช้างศึก” ทีมชาติไทย ชุดนี้ และพร้อมอธิบายเรื่องที่ส่ง ”ตอง” กวิน ธรรมสัจจานันท์ ลงเฝ้าเสาช่วงท้ายเกม

กุนซือลูกครึ่ง เยอรมัน-บราซิลเลี่ยน ของทัพช้างศึก ยอมรับว่าเขารู้สึกเป็นเกียรติมากทีได้คุมทีมชาติไทยชุดนี้ โดยเฉพาะกับนักเตะที่มีฝีเท้าแข็งแกร่ง ทัพช้างศึกนั้นทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในเกมแรกของนัดชิงชนะเลิศ หลังชนะคู่แข่ง อินโดฯ ไปได้ก่อน 4-0 จากการยิงของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ 2 ประตู, สุภโชค สารชาติ และ บดินทร์ ผาลา คนละ 1 ประตู

ช้างศึก สุดเพอร์เฟค “วันนี้นั้น ถือเป็นชัยชนะที่ยอดเยี่ยมแต่ว่า ต้องยกเครดิตให้กับทุกๆ คนในทีม

ช้างศึก สุดเพอร์เฟค

ที่ทำผลงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม เกมนี้เราเปลี่ยนระบบ  และผู้เล่นบางส่วน บางตำแหน่ง แต่แผนการเล่นของเรานั้นยังชัดเจนอยู่แล้ว ถ้าหากผู้เล่นไม่สามารถทำได้ตามแผน มันก็จะไม่ได้ผล  แต่ทุกคนแสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเค้านั้นเล่นได้ตามแผน ตั้งแต่ต้นจนจบ ถือว่าเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์แบบมากๆ และแน่นอนว่า เราเปลี่ยนระบบในวันนี้ เอานักเตะใหม่มาลงสนาม นักเตะที่ยังไม่ได้ลงมาก ต่างก็ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม” มาโน่ กล่าวเริ่ม

“เรารู้ว่าอินโดนีเซีย นั้นมีผู้เล่นที่ดี โดยเฉพาะตัวริมเส้น เราเปลี่ยนระบบมาเป็น 4-2-3-1 เพื่อจัดการปิดเกมรุกทางริมเส้นของพวกเขา  การเปลี่ยนตัวของเรานั้นค่อนข้างเสี่ยง ตอนที่เราต้องเสีย เอเลียส ดอเลาะห์ ไปหลังมีอาการบาดเจ็บ แต่ผมได้เลือก วีระเทพ ป้อมพันธ์ ไปรับหน้าที่กองหลังแทน เพราะเราต้องการคุมเกม ครองบอล และรักษาแนวทางการเล่นของเรา เลยต้องตัดสินใจไปแบบนั้น มันเสี่ยงแต่สุดท้าย เขาก็ทำได้ดี เราก็สามารถสร้างโอกาสได้มากมาย และจบลงด้วยชัยชนะที่สมบูรณ์แบบ ผมเป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ทำงานในตำแหน่งโค้ช ของนักเตะทุกคนในชุดนี้ แต่มันยังไม่จบ เรายังเหลือเกมอีก 1 เกม เรายังไม่สามารถฉลองได้ในตอนนี้ เพราะว่ามันอยู่แค่ครึ่งทาง เราเหลืออีก 1 เกม ที่ต้องเล่นอย่างเป็นมืออาชีพ ไปให้จบ และจบเกมที่ 2 อย่างสมบูรณ์แบบ”

“ผมเข้ามาทำงานโดยมีเวลาไม่มากนัก ในการเตรียมทีม หลายคนนั้น ไม่ค่อยเชื่อมั่นตัวผมเท่าไหร่ ในตอนแรกที่ผมเข้ามารับหน้าที่ แต่สิ่งที่ผมชัดเจนคือ ผมมั่นใจในแนวทางการทำทีมของตัวผมเอง และมั่นใจว่านักเตะทุกคนที่อยู่กับเรา มันเป็นเป้าหมายของเราทุกคนในการคว้าแชมป์ เพราะผมเชื่อในคุณภาพ และเชื่อเหลือเกินว่าเราสามารถทำได้ ตอนนี้เราจับถ้วยมือนึงอยู่ในมือ แต่มันยังไม่จบ เราต้องย้ำเรื่องนี้ เรายังเหลืออีก 1 เกม เรายังมีหน้าที่ ที่จะต้องทำอยู่ เราต้องทำมันให้สำเร็จก่อน”

“ชัยชนะในวันนี้ หรือความสำเร็จที่เราทำที่มันกำลังจะได้มานั้น ต้องยกเครดิตให้ทาง (มาดามแป้ง) ผู้จัดการทีม เพราะผู้จัดการทีมของเรานั้นรักฟุตบอล มีความสามารถในการสร้างสรรค์กิจกรรมต่างๆ เพื่อให้นักเตะทุกคนผ่อนคลาย รวมถึงประสานงาน กับทางสโมสรต่างๆ ทั้งใน และต่างประเทศ จนทำให้เรามีนักเตะที่ดีที่สุด เราได้คุยกันตั้งแต่แรกแล้วว่า เราไม่มีเวลาในการซ้อม ต้องขอความร่วมมือ ในการเอานักเตะจากสโมสรต่างๆ ต้องขอบคุณผู้จัดการทีมเป็นอย่างมาก”

“การเปลี่ยนนักเตะหลายคนในเกมนี้ วันนี้นั้นต้องให้เครดิตนักเตะทุกๆ คน ผมเป็นเกียรติที่ได้เป็นโค้ชพวกเขาทุกคน ส่วนการเปลี่ยนผู้รักษาประตูนั้น ผมอยากอธิบายว่า เราไม่ได้คิดที่จะไม่เคารพทางอินโดนีเซีย แต่เป็นเพราะว่า คุณพ่อของกวินทร์ (น้ำตาไหล) เพิ่งเสียไปเมื่อช่วงบ่าย” มาโน่ โพลกิ้ง ถึงขั้นหลั่งน้ำตา ณ ที่แถลงให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว

“เราอยากตอบแทนความทุ่มเทของกวินทร์ ด้วยการสร้างช่วงเวลาดีๆ ให้กับเขาได้ลงสนามเพื่อพ่อของเขา”

ช้างศึก สุดเพอร์เฟค

“ส่วน เจนภพ โพธิ์ขี นั้นเป็นนักเตะที่ทุ่มเท และฝึกซ้อมอย่างหนัก แต่ว่าเรายังไม่ได้คิดถึงการส่งนักเตะทุกคนลงสนาม เพราะหน้าที่ของเรานั้น มันยังไม่จบ! เราต้องมีสมาธิ และเป้าหมายที่ชัดเจน!! และเราต้องทำผลงานให้ดีที่สุดในเกมที่ 2 ตามเป้าหมายที่ได้วางไว้  เราต้องโฟกัสที่เกม เพื่อไม่ให้ทางอินโดนีเซีย มีโอกาสกลับมาได้ เพราะฟุตบอลทั่วโลก หรือ ไม่ว่าจะในสโมสรต่างๆ นั้นก็เคยกลับมาได้ หลังตามหลังคู่แข่งไปหลายประตูก็ตาม เราจะไม่ประมาท เราจะเล่นอย่างเต็มที่ด้วยสมาธิในเกมที่ 2”

ผลฟุตบอลเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 รอบชิงชนะเลิศ นัดที่แรก เมื่อวานนี้ (วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2564)

ที่ สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์

ทีมชาติอินโดนีเซีย แพ้ ทีมชาติไทย 0-4

โดยได้ประตูจาก

0-1 : ชนาธิป สรงกระสินธิ์ นาทีที่ 2

0-2 : ชนาธิป สรงกระสินธิ์ นาทีที่ 52

0-3 : สุภโชค สารชาติ นาทีที่ 67

0-4 : บดินทร์ ผาลา นาทีที่ 83

โดยรายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริงของทั้ง 2 ทีมนั้นประกอบด้วย

ทีมชาติอินโดนีเซีย (5-4-1) : นาเดโอ อาร์กาวีนาต้า (ผู้รักษาประตู)

อัสนาวี มังคูลัม, ริกกี้ ริดโย่, อัลเฟียนดรา เดวังก้า, เอโด้ เฟเบรียนสย่า, ฟารุดดิน อายานโต้

เดดิก เซเตียวาน, รามัต อีเรียนโต้, ริคกี้ คัมบูยา, อิรฟาน จายา

วิตัน สุไลมัน

ทีมชาติไทย (4-2-3-1) : ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน (ผู้รักษาประตู)

ฟิลิป โรลเลอร์, เอเลียส ดอเลาะ, กฤษดา กาแมน, ทริสตอง โด

พิธิวัตต์ สุขจิตธรรมกุล, วีระเทพ ป้อมพันธุ์

สุภโชค สารชาติ, ชนาธิป สรงกระสินธิ์, บดินทร์ ผาลา

ธีรศิลป์ แดงดา

ณ ตอนนี้ ทีมชาติไทย นั้นได้ตุนสกอร์ ที่สามารถชนะ อินโดนีเซียไว้ได้ในนัดแรก ถือความได้เปรียบถึง 4 ประตู

เรียกได้ว่าแชมป์สมัย 6 ในรายการนี้ ของทัพ “ช้างศึก” นั้น อยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว

โรมีโอ